เรื่องเล่าเร้าพลัง
(1) แม้ฉันจะเลือกเกิดไม่ได้แต่ฉันก็ยังภูมิใจ
ที่เกิดเป็นลูกของแม่กับเตี่ย ซึ่งเห็นว่า
"การศึกษาคือความเจริญงอกงามของชีวิต"
คนที่ชื่อ"ตู่"
ชีวิตในวันเด็กของฉัน คือ ชีวิตที่ไม่ได้เลือกเกิด แต่ก็ยังโชคดีที่แม้ว่าจะยากจน แต่แม่กับเตี่ยยังเห็นความสำคัญของการศึกษา แม้จะบากยากยิ่งเพียงไร ทั้งสองก็ยังกัดฟันส่งลูกเรียนจนจบปริญญาตรี แม้ฉันจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่ฉันก็ยังภูมิใจที่เกิดเป็นลูกของแม่กับเตี่ย ซึ่งเห็นว่า "การศึกษาคือความเจริญงอกงามของชีวิต"
มีผู้คนในสมัยเมื่อ 50-60 ปีที่แล้วน้อยคนนักที่จะเห็นว่า การศึกษาเป็นความเจริญ ชาวบ้านเห็นเพียงว่า การมีลูกมาก ๆ เป็นเรื่องดีที่จะได้มีแรงงานช่วยทำไร่ไถนา ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงด้วยแล้ว น่าจะยิ่งต้องช่วยทำงานทั้งงานไร่นา งานบ้าน จนผู้หญิงหมดโอกาสเรียนหนังสือกลายเป็นแรงงานสำคัญ บ้านที่คิดว่า ลูกผู้ชายควรเรียนนั้น จึงมีลูกผู้หญิงกล้ามเป็นมัด ๆ แทนลูกผู้ชาย ซึ่งอ้อนแอ้นจนกลายเป็น "เหลืองการเบา" (ผิวไม่เคยถูกแดด งานหนักไม่เอา งานเบาไม่สู้)
เตี่ยและแม่ของฉันจึงเป็นคนทันสมัยในสมัยนั้น แต่จะทันสมัยอย่างไรก็มีลูกถึง 2 คน ที่ไม่ได้เรียนหนังสือ โดยเฉพาะพี่ชายคนโตถึงกับหลั่งน้ำตาเมื่อรู้ว่า จบ ป.4 แล้วจะไม่ได้เรียนต่อ เพราะเตี่ยและแม่ไม่มีเงินส่งเสีย นี่คือความสะเทือนใจแรกของฉันและยังตามติดจนถึงปัจจุบัน
ฉันชื่อ "สมถวิล แซ่ตั้ง" แล้วเปลี่ยนเป็นนามสกุลไทยว่า "เศวตบงกช" เป็นคนคิดชื่อสกุลเอง (ขณะนั้นอยู่ ม.ศ.2) แล้วเปลี่ยนเป็น "คัมมกสิกิจ" เมื่อสมรสกับ คุณมาโนช ชื่อเล่นว่า "ตุ๊ตตู่" แต่ต่อมาทุกคนก็เรียกว่า "ตู่" จะกับคนดังอย่างเช่น นักร้องเสียงทรายริมน้ำตก ที่ชื่อว่า "ตู่-นันทิดา" พ้องกับพระเอกละครมากบทบาท "ตู่-นพพล" และพ้องกับ "วีระบุรุษนาแก" "ตู่-เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส" ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนปัจจุบัน (2550-51) ที่ทางเดินตรงราวกับไม้บรรทัด ซึ่งน่าจะเหมือนกับฉัน (เข้าข้างตัวเองหรือเปล่า)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น